รักล่ม..ไม่ได้ไปต่อ แต่กู้ร่วมกันไปแล้ว ทำไงดี

บทความเกี่ยวกับอสังหา

 

ในวันที่ความรักสดใส หลายคนก็อยากลงหลักปักฐาน ซื้อบ้านร่วมกัน แม้กำลังของตัวเองจะไม่พอก็ขอกู้ร่วมกันเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระ และได้วงเงินที่สูงขึ้น

 

แต่ในหลายๆ คู่ ความรักไม่ได้ยั่งยืนเท่าอายุสัญญาการกู้ซื้อ ถ้าเป็นแบบนั้นเราทำยังไงกับบ้านต่อดี

 

 

การซื้อที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน มักเป็นการซื้อเพื่อเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิต เช่นเรียนจบ ทำงานมาซักพักเริ่มมั่นคงจึงอยากมีบ้าน หรือแต่งงานสร้างครอบครัว ในขณะเดียวกันด้วยไลฟ์สไตล์คนในยุคปัจจุบัน คู่รักที่อยู่ร่วมกันโดยไม่แต่งงานไม่จดทะเบียนสมรสก็มีมากขึ้น ในกรณีที่เราสามารถขอกู้ซื้อบ้านกับแฟนได้ทั้งที่จดทะเบียนกันแล้วหรือไม่จดทะเบียนก็ตาม และด้วยความที่การซื้อบ้านเป็นสัญญาระยะยาว ทำให้หลายคู่ที่เลิกกันก่อนจะผ่อนบ้านหมดมักมีปัญหาตามมาด้วย เช่นบ้านจะเป็นของใคร ใครจะผ่อนต่อ ผ่อนยังไงเป็นต้น ซึ่งในกรณีในแง่การเงินและธุรกรรมก็มีหลายอย่างให้ต้องจัดการ

 

 

สถานะเป็นสามีภรรยาที่สมรสทางกฎหมายหรือสมรสโดยไม่จดทะเบียน

 

ในสองสถานะที่ยกขึ้นมานั้นการจัดการหนี้บ้านไม่เหมือนกัน ในกรณีที่จดทะเบียนสมรสกันแล้ว การจัดการทรัพย์สินจะเป็นเรื่องของสินสมรส คือสิ่งที่ทำมาหาได้หลังการสมรสต้องแบ่งกันคนละครึ่ง อาจไปตกลงกันให้เรียบร้อยว่าบ้านจะเป็นของใคร ใครจะผ่อนต่อแล้วไปโอนให้เรียบร้อย แต่ถ้าเป็นกรณีที่สอง คือไม่จดทะเบียนสมรส ก็จะเป็นการตกลงกันแบบผู้กู้ร่วมทั่วไป

 

 

จะเก็บบ้านไว้หรือไม่

 

ในการกู้ร่วมกับคนรักมักเป็นการซื้อบ้านที่มีขนาดใหญ่กว่าการอยู่คนเดียว ซึ่งการจัดการทั้งแง่การดูแลรักษาและค่าใช้จ่ายย่อมมากกว่าบ้านหลังที่เล็กลงมา และในกรณีที่มีการกู้ร่วมมักหมายถึงว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายมีกำลังไม่พอจะจัดการหนี้สินเรื่องบ้านหลังนี้ด้วยตัวเอง ไม่นับรวมเรื่องเชิงความรู้สึกต่างๆ การตัดสินใจแรกควรเป็นการดูว่ามีกำลังพอที่จะเก็บบ้านหลังนี้ไว้หรือไม่ ถ้าไม่พอก็อาจต้องเลือกวิธีขายออกไป

 

 

สามารถแก้ปัญหาด้วยการรีไฟแนนซ์ได้หรือไม่

 

การรีไฟแนนซ์จะทำได้ในกรณีที่บ้านหลังนั้นมีอายุสัญญาได้ 3 ปีขึ้นไป ถ้าเลิกกันตอนที่สามารถรีไฟแนนซ์ได้ และฝ่ายที่เก็บบ้านไว้มีรายได้มากพอที่จะจ่ายหนี้ก้อนที่เหลือด้วยตัวเองต่อไปในอนาคต หรือสามารถหาผู้กู้ร่วมคนอื่นมากู้ด้วยได้ ก็สามารถรีไฟแนนซ์และเปลี่ยนชื่อผู้กู้ร่วมได้เลย แต่ถ้าอายุสัญญายังไม่ถึงกำหนดการที่จะรีไฟแนนซ์ได้ หรือไม่สามารถหาผู้กู้ร่วมคนอื่นได้ และมีรายได้ไม่พอที่จะชำระหนี้ทั้งหมดได้ ก็อาจจะไม่สามารถเก็บบ้านหลังนี้ไว้ได้

 

 

ในตอนที่กู้ร่วมกัน ทุกคู่ก็คงหวังอยากให้ชีวิตคู่ไปได้ตลอดรอดฝั่ง แต่ในการทำธุรกรรม สถาบันการเงินมองในแง่การประเมินความเสี่ยง และผลได้ผลเสียในเชิงตัวเลขไม่ใช่ความรู้สึก ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน เลือกหลังที่คุณมีกำลังซื้อได้ด้วยตัวเองน่าจะดีที่สุด