อยากมีบ้านกับเขาสักหลัง แต่ดันกู้ไม่ผ่าน เราควรทำยังไงต่อดี

บทความเกี่ยวกับอสังหา

เวลาซื้อบ้านผ่านธนาคาร ในมนุษย์เงินเดือนธรรมดาอาจจะมีช่วงระทึกใจคือไม่รู้ว่าจะกู้ผ่านหรือเปล่า และถ้าสมมติสุดท้ายแล้วกู้ไม่ผ่านจริงๆ เราจะทำยังไงกับบ้านที่จองไป หรือวางแผนยังไงให้สามารถกู้ผ่านได้ในอนาคต

 

 

กู้ไม่ผ่านแค่บางที่หรือทั้งหมด?

 

ปกติแล้วคนกู้บ้านมักจะติดต่อไว้กับหลายๆ สถาบันการเงินเพื่อดูว่าเงื่อนไขของที่ไหนดีที่สุด เช่นให้วงเงินสินเชื่อมากที่สุด หรือที่ไหนดอกเบี้ยแบบ Fix rate นานที่สุด หรืออัตราดอกเบี้ยต่ำสุด ซึ่งส่วนมากถ้าไม่มีปัญหาอื่นๆ จริงๆ มักจะกู้ได้ไม่ธนาคารใดก็ธนาคารหนึ่ง แต่ถ้าคุณถูกปฏิเสธจากทุกธนาคารจริงๆ ในเวลานั้นต้องตั้งสติแล้วเริ่มกันใหม่

 

 

ทำยังไงต่อกับเงินจอง?

 

ที่จริงแล้วถ้าเหตุผลที่ไม่โอนห้องคือการกู้ไม่ผ่านทางโครงการมักจะต้องคืนเงินให้ เพราะตามกฎหมายแล้วเงินจองเป็นเพียงการสัญญาว่าจะซื้อ และการกู้ไม่ผ่านไม่ใช่ความผิดของผู้ซื้อ ดังนั้นทางโครงการไม่สามารถยึดหรือไม่คืนได้ แต่ถ้าทางโครงการแจ้งว่าจะไม่คืนจริงๆ ผู้ซื้อสามารถฟ้องร้องเพื่อขอเงินจองคืนได้

 

 

แก้ไขจากปัญหาที่ทำให้โดนปฏิเสธจากธนาคาร

 

ในการปฏิเสธการให้สินเชื่อ คุณสามารถถามทางธนาคารได้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงกู้ไม่ผ่าน แล้วแก้ไขจากตรงจุดนั้น เพื่อให้สามารถขอกู้ครั้งต่อไปได้ง่ายขึ้น โดยเหตุผลในการกู้ไม่ผ่านมักเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเงินในอดีตของผู้ขอสินเชื่อ เช่น

 

 

ความสามารถในการชำระหนี้

 

มักเกิดขึ้นในกรณีที่รายรับกับวงเงินขอกู้ไม่สัมพันธ์กัน คือมีโอกาสที่จะไม่สามารถชำระหนี้ได้ตลอดรอดฝั่ง กรณีแบบนี้ธนาคารมักเสนอแนวทางอื่นๆ ให้ระหว่างทางเช่น เพิ่มเงินดาวน์ ให้ยอดขอสินเชื่อลดลง หรือกู้ร่วมเพื่อให้ฐานรายได้สูงขึ้น และสามารถขอสินเชื่อในวงเงินที่สูงขึ้นได้ ดังนั้นถ้าในครั้งหน้าคุณอยากซื้อบ้าน อาจต้องเก็บเงินให้ได้มากกว่านี้ หรือมองบ้านที่ราคาต่ำลงเพื่อให้สามารถอยู่ในเกณฑ์ที่เงินเดือนของคุณจ่ายไหว

 

 

ภาระหนี้สินเดิมมากเกินไป

 

ตามปกติธนาคารจะปล่อยกู้ที่ไม่เกิน 70 - 75% และคำนวณต่อเดือนแล้ว ผู้ขอสินเชื่อจะต้องจ่ายค่างวดไม่เกิน 30% ของรายได้ต่อเดือน แต่ถ้ามีภาระหนี้อื่นๆ อีก เช่นผ่อนโทรศัพท์มือถือ ผ่อนรถ ยอดเงินที่สามารถจ่ายค่างวดได้ก็จะลดน้อยลง และกลายเป็นว่ามีภาระหนี้มากจนไม่สามารถจ่ายหนี้บ้านได้ ก็จะถูกปฏิเสธการขอสินเชื่อไป ถ้าเป็นลักษณะนี้ ผู้กู้ต้องกลับไปตั้งหลักด้วยการเคลียร์หนี้ให้หมด หรือให้เหลือน้อยที่สุดก่อนขอยื่นกู้ในครั้งต่อไป

 

 

เคยมีประวัติผิดนัดชำระหนี้

 

การมีหนี้สินอื่นๆ ไม่ได้เป็นตัวทำให้กู้ไม่ผ่านเสมอไปตราบใดที่ยังอยู่ในขอบเขตที่สามารถจัดการหนี้ได้ แต่ถ้าคุณมีประวัติเคยผิดนัดชำระหนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิตหรือหนี้อื่นๆ ที่เป็นสมาชิกของศูนย์ข้อมูลเครดิตแห่งชาติหรือเครดิตบูโร สิ่งนี้ทำให้คุณกู้ไม่ผ่านได้แน่นอน เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคุณไม่มีวินัยทางการเงิน และมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ในอนาคต วิธีแก้ไขในส่วนนี้เพื่อให้กู้ผ่านก็คือการทำประวัติชำระหนี้ให้ดีต่อไปในอนาคต ตามปกติแล้วเครดิตบูโรจะเก็บประวัติการชำระหนี้ของเราไว้ไม่เกิน 6 เดือน คุณอาจยื่นกู้บ้านใหม่อีกครั้ง เมื่อผ่านช่วงเวลานี้ไปแล้ว

 

 

การกู้บ้านเป็นหนี้ก้อนใหญ่ ทั้งผู้กู้และผู้ให้กู้ต้องอยู่กันอีกนาน ดังนั้นก่อนกู้บ้านต้องเตรียมพร้อมให้ดี