เคยสงสัยไหมว่า..ทำไมเราถึงเรียกบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ ว่า Developer แทนที่จะเรียกว่าแบรนด์หรือยี่ห้อเหมือนสินค้าปกติ?

.

เดิมทีนั้นในบทความนี้ตั้งใจจะเขียนถึงแค่เฉพาะเรื่องความสำคัญของชื่อเสียงของ Developer เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เมื่อเริ่มขึ้นต้นหัวข้อว่า Developer แล้ว ก็เชื่อว่าคงมีอีกหลายคนเหมือนกันที่ยังแอบสงสัยว่าทำไมเราถึงต้องเรียกบริษัทผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมหรือที่อยู่อาศัยเหล่านี้ว่า Developer กันด้วย แล้วจริงๆ มันหมายถึงอะไร และมีที่มาจากไหน?    

.

ดังนั้น บทความนี้จึงถูกแบ่งออกเป็น 2 ตอน เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจและไม่ยาวจนเกินไปสำหรับการอ่าน โดยในส่วนของ EP แรกนี้เราจะมาว่ากันด้วยความหมายของ Developer, Brand และ Project กันเสียก่อน และต่อด้วย EP.2 ในตอนที่มีชื่อว่า “จะซื้อคอนโดทั้งทีไม่ใช่ว่าซื้อของอะไรก็ได้หรอกเหรอ?”

.

สำหรับสาเหตุที่ต้องใช้คำว่า Developer เป็นคำเรียกแทนผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายต่างๆ นั้น ก็เพื่อป้องกันการสับสนระหว่างคำว่า Brand และ Project ซึ่งถือเป็นหน่วยย่อยภายใต้คำว่า Developer อีกทีหนึ่ง

.

โดย Developer หรือผู้พัฒนาอสังหาฯ นั้นจะหมายถึงนักลงทุน กลุ่มทุนหรือบริษัทที่ทำการพัฒนาอสังหาฯ ชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ หรือแม้แต่ออฟฟิศสำนักงาน โดยมีผลตอบแทนเป็นกำไรจากการขายหรือให้เช่า

.

สำหรับ Developer ในประเทศไทยที่เราๆ คุ้นหูกันเป็นอย่างดีก็จะอย่าง แสนสิริ, พฤกษา, Ananda Development หรือ Ap Thailand และอีกมากมาย

.

ส่วนลำดับถัดมาอย่างแบรนด์ (ฺBrand) จะหมายถึง ยี่ห้อหรือผลงานการพัฒนาอสังหาฯ ของ Developer เจ้านั้นๆ เช่น คอนโด Aspire ของบริษัท Ap Thailand หรือ Plum Condo ของพฤกษา เป็นต้น

.

จะเห็นว่า Developer แต่ละเจ้านั้นไม่ได้ใช้ชื่อบริษัทของตัวเองมาตั้งเป็นชื่อคอนโดแต่อย่างใด แต่จะมีการสร้างแบรนด์ขึ้นใหม่ตามลักษณะ แนวคิด และกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง โดย Developer หนึ่งเจ้านั้น ก็จะมี Brand ต่างๆ มากมายออกขายในตลาดอสังหาฯ

.

หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คงเหมือนกับรถยนต์ยี่ห้อหนึ่งซึ่งมีรุ่นมากมาย แต่ละรุ่นก็มีเอกลักษณ์และราคาที่แตกต่างกันไป แต่ถ้าจะเรียกคอนโดต่างๆ เป็นรุ่นแล้วก็คงจะฟังดูไม่ไพเราะสักเท่าไหร่ การสร้างแบรนด์ขึ้นใหม่จึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมกว่า

.

และสุดท้ายกับ Project หรือโครงการที่ถือเป็นส่วนที่เล็กลงจาก Brand อีกทีหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะแสดงออกถึงความแตกต่างของทำเลที่ตั้ง เช่น Aspire งามวงศ์วาน หรือ Aspire สุขุมวิท-อ่อนนุช เหล่านี้เป็นต้น

.

โดยเหตุผลที่ Developer เจ้าต่างๆ ต้องมีการสร้างแบรนด์ และแบ่งแยกย่อยออกเป็นโครงการต่างๆ นั้นก็เพื่อความสามารถในการตอบสนองกลุ่มเป้าหมายและกลยุทธ์ทางการตลาดที่แตกต่างกัน

.

ตัวอย่างเช่น คอนโดภายใต้แบรนด์ Ashton ของ Ananda Development ก็จะมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักธุรกิจ หรือนักลงทุนที่มีกำลังซื้อสูง และมีความต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกในระดับหรูหรา ในขณะที่คอนโดภายใต้แบรนด์ Ideo ของ Ananda Development เจ้าเดียวกันนั้น ก็จะสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนทำงาน หรือนักศึกษาที่ต้องการการเดินทางที่สะดวกสบายใกล้รถไฟฟ้าได้มากกว่า 

.

เพียงเท่านี้ก็คงจะช่วยคลายข้อสงสัยสำหรับใครหลายๆ คนที่ว่าทำไมคอนโดมิเนียมต่างๆ ถึงมีชื่อที่แตกต่างกันออกไปมากมาย ทั้งๆ ที่เป็นของบริษัทเดียวกัน เผื่อว่าครั้งหน้าที่ได้อ่านหรือได้ยินใครพูดถึงเรื่องอสังหาฯ แล้วมีคำว่า Developer, Brand และ Project อีก ก็จะได้ไม่สับสนกันอีกต่อไป

.

ส่วนเรื่องที่ว่า จะซื้อคอนโดมิเนียมหรือบ้านทั้งทีนั้น ไม่ใช่ว่าจะซื้อของอะไรก็ได้หรอกเหรอ แล้วชื่อเสียงของ Developer จะมีส่วนสำคัญอย่างไรต่อเรื่องนี้ ก็ต้องติดตามตอนต่อไป...

 

------------------------

ติดตามเรื่องราวอัปเดตเทรนด์ใหม่ๆ ในวงการอสังหาฯ
ที่อ่านง่าย ได้ความรู้ พร้อมบริการซื้อ ขาย จำนอง ที่ดิน
อสังหาริมทรัพย์ บ้านและคอนโด ได้ที่ : https://assawinasset.com/

อัศวินแอสเสท : ให้บริการสินเชื่อเงินกู้ด้านอสังหาฯ ในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกที่สุดในประเทศไทย เพียง 0.75% ต่อเดือน

ค่าดำเนินการต่ำ ไม่ผ่านหน้านาย อนุมัติง่าย ให้วงเงินสูง สัญญาสูงสุด 10 ปี!! ไม่เช็คเครดิต ไม่เช็คการเงิน ไม่ต้องค้ำประกัน ปลอดภัย เชื่อถือได้

เพียงคุณมีสินทรัพย์หรือโฉนดที่ดิน ต้องการเงินด่วน
ปรึกษาเราได้ที่ โทร. 087-441-8888, 098-885-0479

Line@ : https://lin.ee/tIpO804

#AssawinAsset #รับจำนอง #รับขายฝาก #ฝากขายอสังหาริมทรัพย์ #สินเชื่อดอกเบี้ยถูก
#อัศวินแอทเสทสินเชื่อเคียงข้างนักลงทุน