Leasehold อสังหาฯ แนวใหม่มาแรง

บทความเกี่ยวกับอสังหา

คอนโด Leasehold และ Freehold คุณเคยได้ยินสองคำนี้มาก่อนหรือเปล่า?

.

ในอดีตที่ผ่านมานั้นคนไทยจะคุ้นเคยกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์แบบขายขาด หรือที่เรียกว่า Freehold ซะมากกว่า คือ เรียกได้ว่าเมื่อทำการซื้อขายกันแล้วกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินก็ตกเป็นของผู้ซื้อในทันที มีหนังสือที่แสดงกรรมสิทธิ์เรียบร้อย จะทำการปล่อยเช่า ขายต่อ หรือปรับปรุงอย่างใดก็สุดแล้วแต่ความต้องการของเจ้าของ

.

แต่ในระยะหลังที่ราคาที่ดินแพงขึ้นเป็นหลายเท่าตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองและใกล้กับย่านเศรษฐกิจสำคัญๆ ของประเทศ จึงได้เกิดเทรนด์ใหม่ในวงการอสังหาฯ ขึ้นอย่าง Leasehold ที่เป็นการเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์แบบระยะยาว โดยไม่ได้กรรมสิทธิ์

.

ถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพมากกว่านั้นก็คือการจ่ายเงินก้อนเหมือนกับการซื้อขายคอนโดทั่วไป เพียงแต่ว่าการจ่ายเงินก้อนนี้จะเป็นการเช่าซื้อในระยะยาว 20-30 ปี ตามที่ตกกันในสัญญา และเมื่อสัญญาสิ้นสุดลงก็ต้องคืนสิทธิ์ให้กับเจ้าของหรือจ่ายเงินเพื่อต่อสัญญาฉบับใหม่ 

.

ฟังดูเหมือนจะไม่ค่อยดีใช่ไหมล่ะ? จ่ายเงินเหมือนซื้อคอนโดแต่ไม่ได้คอนโดเป็นของตัวเอง แต่ด้วยวิธีการนี้แหละที่สามารถทำให้เราประหยัดเงินในการซื้อคอนโดในย่านสำคัญๆ ต่างๆ ลงไปได้ถึง 30-40%

.

เพราะปกติการจะเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมแบบ Freehold ในย่านเหล่านี้ได้นั้น อาจทำให้คุณต้องใช้เงินสูงถึง 7 ล้านบาท แต่ด้วยแนวคิดของ Leasehold นี้ อาจทำให้คุณจ่ายเงินเหลือเพียง 3-4 ล้านบาทเท่านั้น เพื่อแลกกับสัญญา 30 ปี

.

ลงทุนน้อยกว่า แต่ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่ายังเท่าเดิม แถมยังได้ทำเลที่ Exclusive สุดๆ เพราะคอนโดแบบ Leasehold ทั้งหลายนี้ส่วนมากจะตั้งอยู่บนที่ดินของรัฐที่ถูกเก็บรักษาไว้ตั้งแต่ในสมัยอดีต ก่อนจะนำมาปล่อยให้เอกชนได้เข้ามาลงทุนภายใต้สัญญาเช่าในระยะหลังนี้เอง

.

และที่สำคัญคอนโดแบบ Leasehold ยังเปิดให้ชาวต่างชาติถือครองได้ไม่จำกัด แตกต่างจาก Freehold ที่ให้ชาวต่างชาติถือครองได้ไม่เกิน 49% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด

.

ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องมาลองเปรียบเทียบกันดูว่าในงบประมาณที่เท่ากันกับคอนโดที่ขนาดเท่ากัน ตั้งอยู่บนทำเลใกล้เคียงกัน เช่น การตัดสินใจซื้อคอนโด Freehold ในสามย่านราคา 7 ล้าน เปรียบเทียบการเลือกซื้อคอนโด Leasehold ในราคา 4 ล้านบาท อย่างไหนจะให้ผลตอบแทนมากกว่ากันในระยะเวลา 30 ปี 

.

ตัวอย่างเช่น สมมติให้การลงทุนทั้ง 2 แบบมีผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าอยู่ที่ 30,000 บาท ต่อเดือน เมื่อครบ 30 ปี การลงทุนแบบ Freehold จะได้กำไรจากการปล่อยเช่าอยู่ที่ 3.8 ล้าน ในขณะที่ Leasehold จะให้ผลกำไรอยู่ที่ 6.8 ล้านเลยทีเดียว

.

แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าคอนโดแบบ Freehold นั้นยังมีสิทธิ์ขายต่อได้ในมูลค่าที่ไม่อาจประเมินได้ในระยะเวลา 30 ปี ข้างหน้า ในขณะที่กรรมสิทธิ์แบบ Leasehold นั้น ไม่สามารถขายต่อได้เด็ดขาด เพราะกรรมสิทธิ์ไม่ได้ตกเป็นของผู้เช่า

.

แต่ด้วยส่วนต่างของเงินลงทุนเริ่มแรกราวๆ 3 ล้าน ก็อาจเปิดโอกาสให้คุณนำเงินส่วนนี้ไปใช้ลงทุนในคอนโด Freehold ย่านอื่นๆ แทน ที่อาจให้ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าเพิ่มขึ้นอีกราวๆ 15,000 บาท ต่อเดือน รวมถึงสิทธิ์ในการขายต่อเกร็งกำไรในอนาคต

.

จะว่าไปแล้ว ดูๆ ไป ทั้ง 2 ทางเลือกก็อาจให้ผลตอบแทนที่ไม่ต่างกันมากนัก ซึ่งในท้ายที่สุดก็คงขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และวิธีการลงทุนของแต่ละคนมากกว่าว่าจะสามารถงัดกลเม็ดเด็ดพรายอะไรออกมาทำให้การลงทุนแต่ละแบบได้ผลตอบแทนอย่างที่ตั้งใจ

.

และเผลอๆ กว่าจะครบกำหนด 30 ปี ก็อาจมีผู้คิดค้นเทรนด์การลงทุนใหม่ๆ ในวงการอสังหาฯ ขึ้นมาอีกก็เป็นได้

.

แล้วถ้าคุณล่ะ จะเลือกอะไร? ระหว่าง Leasehold และ Freehold

 

------------------------

 

ติดตามเรื่องราวอัปเดตเทรนด์ใหม่ๆ ในวงการอสังหาฯ
ที่อ่านง่าย ได้ความรู้ พร้อมบริการซื้อ ขาย จำนอง ที่ดิน
อสังหาริมทรัพย์ บ้านและคอนโด ได้ที่ : https://assawinasset.com/

อัศวินแอสเสท : ให้บริการสินเชื่อเงินกู้ด้านอสังหาฯ ในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกที่สุดในประเทศไทย เพียง 0.75% ต่อเดือน

ค่าดำเนินการต่ำ ไม่ผ่านหน้านาย อนุมัติง่าย ให้วงเงินสูง สัญญาสูงสุด 10 ปี!! ไม่เช็คเครดิต ไม่เช็คการเงิน ไม่ต้องค้ำประกัน ปลอดภัย เชื่อถือได้

เพียงคุณมีสินทรัพย์หรือโฉนดที่ดิน ต้องการเงินด่วน
ปรึกษาเราได้ที่ โทร. 087-441-8888, 098-885-0479

Line@ : https://lin.ee/tIpO804


#AssawinAsset #รับจำนอง #รับขายฝาก #ฝากขายอสังหาริมทรัพย์ #สินเชื่อดอกเบี้ยถูก
#อัศวินแอทเสทสินเชื่อเคียงข้างนักลงทุน